เหตุการณ์หลังเสียชีวิต ของ การเสียชีวิตของไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์

ปฏิกิริยาจากราชวงศ์

ปฏิกิริยาของราชวงศ์ต่อการเสียชีวิตของไดอานาสร้างความไม่พอใจและขุ่นเคืองให้กับประชาชนอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งในเวลานั้นสมาชิกราชวงศ์ต่างประทับอยู่ที่ปราสาทบัลมอรัล พระราชวังฤดูร้อนในสกอตแลนด์ และทั้งหมดทรงตัดสินพระทัยว่าจะไม่เสด็จกลับลอนดอนเพื่อร่วมพิธีพระศพ การตัดสินพระทัยของสมเด็จพระราชินีเช่นนี้ทำให้พระองค์ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อมวลชนอย่างหนัก เพราะราชวงศ์ยังยึดติดอยู่กับราชประเพณีโบราณอย่างเข้มงวด และไม่ใส่พระทัยต่อพระโอรสทั้งสองของไดอานาที่กำลังเศร้าโศกต่อการจากไปของพระมารดา และทำให้สื่อมวลชนให้ความเห็นว่าเย็นชาเกินไป

ยิ่งไปกว่านั้น การปฏิเสธลดธงราชวงศ์ลงครึ่งเสาบนพระราชวังบักกิงแฮม ได้ทำให้หนังสือพิมพ์ในอังกฤษพาดหัวข่าวด้วยภาษาที่รุนแรงว่า "Where's our Queen? Where's her flag?" [31] ทั้งนี้ท่าทีของสำนักพระราชวังเป็นไปตามราชประเพณีข้อหนึ่ง ซึ่งการเชิญธงราชวงศ์ขึ้นสู่ยอดเสาบนพระราชวังบักกิงแฮมจะกระทำต่อเมื่อสมเด็จพระราชินีประทับอยู่ในพระราชฐานเท่านั้น แต่ในเวลานั้นพระองค์กำลังประทับอยู่ในสกอตแลนด์ นอกจากนี้ธงประจำพระองค์ไม่เคยเชิญลงครึ่งเสาเพราะพระมหากษัตริย์ไม่เคยสวรรคตเนื่องจากกษัตริย์องค์ใหม่จะขึ้นครองราชย์ทันที

ในที่สุด สำนักพระราชวังยอมเชิญธงยูเนียนแจ็กขึ้นสู่ยอดเสาของพระราชวังบักกิงแฮมแทน โดยลดธงลงครึ่งเสาซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่มีการเชิญธงยูเนี่ยนแจ็กขึ้นสู่ยอดเสาของพระราชวังบักกิงแฮม และหลังจากเสด็จพระราชดำเนินไปร่วมพิธีพระศพของไดอานา สมเด็จพระราชินีเสด็จกลับสก็อตแลนด์ทันทีในเวลาเที่ยงของวันเดียวกัน และตั้งแต่นั้นมาธงยูเนียนแจ็กจะขึ้นสู่ยอดเสาเมื่อสมเด็จพระราชินีไม่อยู่ในพระราชฐาน

สมเด็จพระราชินีทรงเห็นด้วยให้มีการถ่ายทอดสดพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัยต่อเจ้าหญิงแห่งเวลส์ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ BBC ในเย็นวันที่ 4 กันยายน

ปฏิกิริยาจากสาธารณชน

ผู้คนหลายล้านคนยืนต่อแถวยาวกว่า 6 กิโลเมตร ตั้งแต่พระราชวังเคนซิงตันจนถึงมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ [32] ด้านหน้ามหาวิหารและลานในไฮด์ปาร์กต่างแน่นขนัดไปด้วยประชาชนที่รับชมพิธีศพบนหน้าจอขนาดใหญ่และการกล่าวคำไว้อาลัยจากบุคคลสำคัญที่เข้าร่วมพิธี รวมทั้งตัวแทนจากองค์กรการกุศลที่ไดอานาได้เป็นผู้อุปถัมภ์ ผู้เข้าร่วมพิธีที่มีชื่อเสียงได้แก่ ฮิลลารี คลินตัน (ภริยาของประธานาธิบดีบิล คลินตัน แห่งสหรัฐอเมริกา), นางเบนาเด็ต ชีรัค (ภริยาของประธานาธิบดีฌัก ชีรัก แห่งฝรั่งเศส) และดาราชื่อดังหลายคน เช่น ลูเซียโน พาวาร็อตติ และนักร้องที่เป็นเพื่อนสนิทของเจ้าหญิงอย่าง เอลตัน จอห์น และจอร์จ ไมเคิล ซึ่งเอลตันได้ขับร้องเพลง Candle in the Wind ที่ประพันธ์เนื้อร้องขึ้นใหม่เพื่ออุทิศให้แก่พระองค์ [33] พิธีนี้ได้มีการถ่ายทอดผ่านดาวเทียม มีผู้รับชมกว่า 2.5 พันล้านคนทั่วโลก [34]

ในการนี้ราชประเพณีอันเก่าแก่ได้ถูกละเลยเพิกเฉย เนื่องจากแขกในพิธีได้ปรบมือให้กับคำไว้อาลัยของเอิร์ลสเปนเซอร์ น้องชายของไดอานา ที่วิจารณ์สื่อมวลชนและราชวงศ์ต่อการที่พวกเขาปฏิบัติต่อพี่สาวของเขาอย่างเผ็ดร้อน [35] หลังเสร็จสิ้นพิธีที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ โลงพระศพถูกนำขึ้นรถเดมเลอร์เพื่อเดินทางต่อไปยังคฤหาสน์อัลธอร์พเพื่อทำพิธีฝังพระศพอย่างเป็นส่วนตัว [36] เกือบตลอดเส้นทางที่ขบวนรถพระศพขับผ่าน ประชาชนได้ร่วมกันโยนดอกไม้ใส่ขบวนรถเพื่อแสดงความไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย

ศพถูกฝังภายในอาณาเขตของคฤหาสน์อัลธอร์พ บนเกาะกลางทะเลสาบ ภายในโลงศพไดอานาชุดเดรสแขนยาวสีดำของแคทเธอรีน วอล์กเกอร์ มือทั้งสองกุมสร้อยประคำของขวัญจากแม่เทเรซา ผู้ที่เสียชีวิตสัปดาห์เดียวกับเธอ [37]

ในปีพ.ศ. 2541 คฤหาสน์ได้เปิดให้ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมนิทรรศการที่เกี่ยวพระองค์และเดินเล่นรอบทะเลสาบบริเวณสุสานของไดอานา รายได้จากการเข้าชมผลงานและนิทรรศการที่อัลธอร์พได้บริจาคให้แก่กองทุนอนุสรณ์ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์

4 สัปดาห์หลังการเสียชีวิต อัตราการฆ่าตัวตายทั่วประเทศอังกฤษและเวลส์เพิ่มสูงขึ้น 17 % และการทำร้ายตัวเองพุ่งสูงกว่า 44.3 % เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติเดิมในรอบ 4 ปี นักวิจัยเห็นว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราการฆ่าตัวตายมีสาเหตุจากปรากฏการณ์ "แสดงตัวตน" ของผู้คนที่ส่วนใหญ่ที่ความกดดันคล้ายคลึงกับไดอานา คือ ผู้หญิงวัย 25 − 44 ปี ที่กลุ่มนี้ฆ่าตัวตายมากกว่า 45% [38]

แม้ว่าเจ้าหญิงไดอานาจะเสียชีวิตไปนานหลายปีแล้ว แต่ความสนใจในชีวิตของเธอยังคงอยู่ อนุสรณ์ที่ใช้รำลึกชั่วคราวที่หน้าอุโมงค์ปองต์ เดอ ลัลมา ชื่อ "ฟลามม์ เดอ ลา ลิเบอร์เต้" ที่มีความสัมพันธ์กับรูปปั้นอนุสาวรีย์เทพีสันติภาพในนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ของขวัญจากชาวฝรั่งเศส โดยหลังเกิตอุบัติใหม่ ๆ ชาวปารีสและนักท่องเที่ยวได้เขียนถ้อยคำไว้อาลัยทิ้งไว้บนฐานของ "ฟลามม์ เดอ ลา ลิเบอร์เต้" แต่ต่อมาข้อความถูกลบออกและไม่ได้ใช้เป็นอนุสรณ์อย่างเป็นทางการอีกต่อไป แต่ว่านักท่องเที่ยวยังคงลักลอบเขียนข้อความทิ้งไว้อยู่เรื่อย ๆ

สำหรับอนุสรณ์ถาวรคือ น้ำพุอนุสรณ์แด่ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ในไฮดปาร์ก ที่ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2547

ไดอานา ฟรานเซส เจ้าหญิงแห่งเวลส์อยู่ในโพลสำรวจของ BBC ในปี 2545 ในหัวข้อ "ชาวอังกฤษผู้ยิ่งใหญ่" ลำดับที่ 3 แซงหน้า ชาร์ลส์ ดาร์วิน (อันดับ 4), วิลเลี่ยม เช็กสเปียร์ (อันดับ 5) และไอแซค นิวตัน (อันดับ 6)

ในปีพ.ศ. 2546 สำนักพิมพ์มาร์เวลคอมิกส์ ประกาศตีพิมพ์การ์ตูน X-Statix ของปีเตอร์ มิลลิแกน นักเขียนการ์ตูนล้อเลียน ในตอน Di Another Day (Di คือ Diana อ้างอิงจากชื่อจากภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ ตอน Die Another Day) ล้อเลียนการฟื้นคืนชีพของไดอานาด้วยพลังมหัศจรรย์ สร้างความไม่พอใจให้กับผู้คนจำนวนมากและตอน Di Another Day ถูกสั่งระงับหยุดพิมพ์ทันที [39] บริษัทเฮลิโอกราฟ สร้างเกมจำลองบทบาท Diana: Warrior Princess ผลงานของมาร์คัส แอล. โรวแลนด์ ที่ดัดแปลงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 20 จนกลายเป็นเรื่องเหนือจินตนาการ

เควิน คอสเนอร์ ดาราฮอลลีวูดชื่อดังที่เคยเข้าพบไดอานา ผ่านซาราห์ ดัชเชสแห่งยอร์ก ได้ออกมาอ้างว่าเคยรบเร้าให้ไดอานาร่วมแสดงภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง "The Bodyguard" ซึ่งนำแสดงโดย คอสเนอร์ และวิทนีย์ ฮุสตัน แต่ต่อมาสำนักพระราชวังบักกิ้งแฮมได้ออกมาปฏิเสธว่าคำกล่าวอ้างของคอสเนอร์ว่าไม่มีมูลความจริง [40]

ใกล้เคียง

แหล่งที่มา

WikiPedia: การเสียชีวิตของไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ http://www.ctv.ca/servlet/ArticleNews/story/CTVNew... http://www.channel4.com/culture/microsites/D/diana... http://www.conspiracyplanet.com/channel.cfm?Channe... http://www.coverups.com/diana/photos-2.htm http://findarticles.com/p/articles/mi_qn4158/is_19... http://www.people.com/people/article/0, http://www.time.com/time/daily/special/diana/timel... //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/11060002 http://www.theroyalist.net/content/view/372/2/ http://web.archive.org/web/20040913114236/http://w...